โครงการนวัตกรรม “ส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา ชุด หนูน้อยปฐมวัยยุคใหม่ ก้าวไกลสู่อาเซียน
เรื่อง การสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย”
1. วัตถุประสงค์ของโครงการนวัตกรรม
1.1.1 เพื่อสร้างและพัฒนาคู่มือการผลิตและการใช้สื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา ชุด หนูน้อยปฐมวัยยุคใหม่ ก้าวไกลสู่อาเซียน เรื่องการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
1.1.2 เพื่อเปรียบเทียบผลพัฒนาความพร้อมด้านสติปัญญาของนักเรียน ก่อนและหลังการใช้สื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา ชุด หนูน้อยปฐมวัยยุคใหม่ ก้าวไกลสู่อาเซียน เรื่อง การสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จำนวน 175 คน
1.2 ผลงานสอดคล้องกับนวัตกรรม ด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ คือ
1. ประโยชน์ต่อนักเรียน
1.1 นักเรียนมีสื่อ คือ สื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา เรื่องการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ที่ผู้ศึกษาสร้างและพัฒนาขึ้น จำนวน ๒0 ชนิดและชุดฝึก จำนวน 10 เล่ม
1.2 นักเรียนสามารถเรียนรู้เรื่อง การสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษาได้ สืบเนื่องจากสื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญาและชุดฝึกเสริมทักษะสื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา เรื่องการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ที่ผู้ศึกษาสร้างและพัฒนาขึ้นได้จัดเรียงลำดับเนื้อหาเป็นขั้นตอนเริ่มจากง่ายไปหายาก
1.3 หลังจากนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการจัดประสบการณ์โดยใช้สื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญาและชุดฝึกเสริมทักษะสื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา เรื่องการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 แล้ว นักเรียนสามารถทำแบบทดสอบความพร้อมด้านสติปัญญาการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ได้ถูกต้องเพิ่มขึ้น
2. ประโยชน์ต่อครู
2.1 ครูมีสื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพเพื่อใช้ประกอบการจัดประสบการณ์
2.2 ครูสามารถใช้ชุดฝึกเสริมทักษะสื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการด้านสติปัญญา เรื่องการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 สอนเสริมนักเรียนที่เรียนดีและนักเรียนที่เรียนค่อนข้างอ่อน
2.3 เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครู ที่จะพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และเป็นแนวทางในการสร้างสื่อหรือชุดฝึกเสริมทักษะในเนื้อหาอื่นต่อไป
2. โครงการสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติในข้อใด
- การศึกษาที่มีคุณภาพ
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546
ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย คือ การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิด ถึง 5 ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละคนตามศักยภาพภายใต้บริบทสังคม - วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม (กระทรวงศึกษาธิการ. 2546 : 3-27)
1. หลักการ
เด็กทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการตลอดจนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นตอนของพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุลและเต็มตามศักยภาพ โดยกำหนดหลักการดังนี้
1. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกประเภท
2. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรมไทย
3. พัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย
4. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
5. ประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชนและสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุ 3 - 5 ปี เป็นการจัดการศึกษาในลักษณะของการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา เด็กจะได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ - จิตใจ สังคม และสติปัญญา ตามวัยและความสามารถของแต่ละบุคคล โดยหลักการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองหรือครู ยังคงเข้าใจว่าหากสอนหนังสือหรือเนื้อหาวิชาแก่เด็กตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยให้เด็กเรียนดีในเวลาต่อไป จึงเกิดการยัดเยียดการอ่านเขียนเรียนเลข และเนื้อหาสาระให้เด็ก จะเห็นว่าหลายกิจกรรม เช่น ศิลปศึกษา การเล่น ฯลฯ นั้นไม่มีความสำคัญ ความผิดพลาดอีกประการหนึ่ง ก็คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กมักมุ่งพัฒนาเด็กสำหรับสภาพสังคมปัจจุบัน ตามความเป็นจริง เด็กจะเติบโตไปสู่สังคมในอนาคต การเตรียมเด็กวัยนี้จึงควรให้พร้อมที่จะเผชิญกับสภาพการณ์ต่อไป
1. มุ่งพัฒนาเด็กทุกด้าน
การพัฒนาเด็กทุกด้านหมายความว่า เด็กได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา หรือมีการกล่าวอีกสำนวนหนึ่งว่า “พัฒนาเด็กทั้งตัว” หลักการนี้ถือว่าเป็นสากล แต่ละด้านจะมีรายละเอียดอะไรบ้างก็อาจดูได้จากแนวการจัดประสบการณ์หรือหลักสูตรนั่นเอง
2. จัดให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก
เด็กในวัยก่อนประถมศึกษาจะต่างจากระดับประถมศึกษาทั้งด้านร่างกายอารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนก็จะแตกต่างกันไป
2.1 ด้านร่างกาย ไม่บังคับให้เขียนหนังสือ เพราะการเขียนจะทำได้ดีก็ต่อเมื่อกล้ามเนื้อนิ้วมือแข็งแรงพอที่จะสามารถจับดินสอแล้วขีดเขียนไปในทิศทางที่ต้องการได้และใช้มือและตาให้สัมพันธ์กันได้ การออกกำลังจะไม่เป็นแบบประถมศึกษา แต่จะได้จากการเล่นกลางแจ้งอย่างอิสระ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เนื่องจากเป็นระยะที่จะพัฒนาสมองได้ ฯลฯ
2.2 ด้านอารมณ์-จิตใจ กิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาอารมณ์ - จิตใจ ได้ดีที่สุดสำหรับเด็กวัยนี้จะเป็นกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น ศิลปศึกษา และการเล่นอย่างอิสระ การจัดตารางกิจกรรม โดยจัดช่วงเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรม และวัยของเด็ก จะช่วยพัฒนาอารมณ์-จิตใจได้เป็นอย่างดี ฯลฯ
2.3 ด้านสังคม ให้โอกาสเด็กได้เล่นร่วมกันอย่างอิสระ จะช่วยให้เด็กได้มีโอกาสปรับตัวเข้ากับเพื่อน ๆ ให้เด็กได้ทำกิจกรรมศิลปศึกษาอย่างอิสระ จะช่วยพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง และกล้าแสดงออก ฯลฯ
2.4 ด้านสติปัญญา ให้โอกาสเด็กได้ทำความเข้าใจพื้นฐานทางภาษาคณิตศาสตร์ จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ทำท่าประกอบการร้องเพลงหรือท่องคำประพันธ์ และจะให้อ่าน - เขียน เมื่อเด็กมีความพร้อมที่จะทำ
3. ลักษณะของโครงการ
- โครงการที่ต่อยอดจากโครงการเดิม ชื่อโครงการเดิม โครงการผลิตสื่อการเรียนการสอนสำหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งได้เริ่มไว้ในปี พ.ศ. 2558
4. ความสำคัญของโครงการนวัตกรรม
การจัดการศึกษาเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการตามความพร้อมและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ "ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก" ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาและเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย จึงเป็นอีกภารกิจหนึ่งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ - จิตใจ สังคมและสติปัญญา อย่างเหมาะสมตามวัยและเต็มศักยภาพตลอดจนเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองและเป็นพื้นฐานของการศึกษาระดับสูงขึ้นต่อไป การจัดการศึกษาปฐมวัยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง พ่อ แม่ และผู้ใกล้ชิดเด็กเป็นผู้ช่วยเหลือให้เด็กมีพัฒนาการและเตรียมความอย่าง เหมะสม เนื่องจากช่วงวัยในบางช่วงเด็กยังต้องอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะในช่วง 0-5 ปีแรกของชีวิตเป็นช่วงที่มีการเรียนรู้และพัฒนาการได้มากที่สุดโดยในยุคสมัยนี้จะเห็นว่าเด็กจะอยู่กับเทคโนโลยีมากเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีพัฒนาการในบางส่วน แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ใช้ใน การสอนลูกหรือปล่อยให้เขาอยู่กับมันมากจนเกินไป ทำให้เด็กในยุคสมัยนี้มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยและมีการพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ไม่เต็มที่ การมีสื่อที่ดีต้องเป็นสื่อที่จะสามารถทำให้เด็กมีพัฒนาการครบ 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสติปัญญา และด้านสังคม ดังนั้น เทศบาลนครอุบลราชธานี เห็นว่าการที่ครูและผู้ปกครองได้ผลิตสื่อในการเสริมพัฒนาการให้กับเด็กปฐมวัยจะเป็นกระบวนการสื่อและพื้นที่สร้างสรรค์ใน การพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านการเรียนรู้ ทักษะชีวิตและส่งเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยเกิดการเปลี่ยนแปลอย่างเป็นรูปธรรมในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอย่างดี โดยเฉพาะการใช้วัสดุจากธรรมชาติจากท้องถิ่นนำมาเป็นสื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับนวัตกรรมการผลิตสื่อเพื่อเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยขึ้น
5. ความคิดสร้างสรรค์ของโครงการนวัตกรรม
5.1 เพื่อให้เด็กปฐมวัยมีความสามารถและทักษะในการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ และการใช้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
5.2 เพื่อให้เด็กปฐมวัยสามารถพัฒนาจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์จากการบูรณาการผ่านการเล่นประกอบการใช้ชุดสื่อ ชุดหนูน้อยปฐมวัยยุคใหม่ ก้าวไกลสู่อาเซียน เรื่อง การสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบและการใช้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
5.3 เพื่อให้เด็กปฐมวัยสามารถมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีทักษะในการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับการสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบและการใช้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
6. ความสามารถในการถ่ายทอดโครงการนวัตกรรม
6.1 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การ
แข่งขันทักษะวิชาการ งานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 25 วันที่ 19 – 21 มิถุนายน 2560 ณ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด
6.2 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การแข่งขันทักษะวิชาการ งานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 26 วันที่ 28 มิถุนายน 2561 ณ เทศบาลเมืองนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
6.3 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับประเทศ การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา ศูนย์พัฒนา
เด็กเล็ก การแข่งขันทักษะวิชาการ งานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปี 2561 วันที่ 9 – 11 กันยายน 2561 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
6.4 ได้เผยแพร่ผลงานทางวิชาการแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานอื่นๆ เกี่ยวกับสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา และการจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิชาการ
7. ความยั่งยืนของโครงการนวัตกรรม
- เป็นโครงการที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ปรับเปลี่ยนใช้ได้ก้าวทันเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
8. ผลกระทบของโครงการนวัตกรรม
- ไม่มี
9. การมีส่วนร่วมของประชาชนและเครือข่าย
- มีการเผยแพร่โครงการนวัตกรรมแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ครู ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้มีส่วนร่วม
- เป็นวิทยากร สาธิต จัดทำการผลิตสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอน
- มีการจัดทำเอสารเผยแพร่ / แผ่นพับ ผลงานทางวิชาการสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอน
- มีแบบสอบถาม / แบบประเมินความพึงพอใจ
- มีการแสดงผลงานทางวิชาการสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา
- มีการแสดงนิทรรศการผลงานสื่อนวัตกรรม
- มีการรายงานผลการพัฒนาสื่อนวัตกรรม
10. บทเรียนที่ได้รับ
- ไม่มีงบประมาณในการจัดทำโครงการนวัตกรรม