กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเป็นห้องปฏิบัติการเครือข่าย เฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ ได้รับแจ้งจากองค์การอนามัยโลก ว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/Singapore และสายพันธุ์ B/Phuket ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทย ได้รับ การคัดเลือกไปผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับประเทศซีกโลกใต้ ประจำปี 2561 ส่งผลให้คนไทยจะได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ซึ่งมีศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติหรือห้องปฏิบัติการเครือข่ายเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ทำการเฝ้าระวังสายพันธุ์ ไวรัสไข้หวัดใหญ่และส่งข้อมูลให้องค์การอนามัยโลก เพื่อตัดสินใจว่าจะใช้เชื้อสายพันธุ์ใดผลิตวัคซีนในแต่ละปี ซึ่งการประชุมองค์การอนามัยโลก ณ กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปีนี้ ได้คัดเลือกสายพันธุ์ A/Michigan, A/Singapore และ B/Phuket นำไปผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับประเทศซีกโลกใต้ ประจำปี 2561 ซึ่งจะส่งผลให้ในปี 2561 คนไทยจะได้ใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทย เพราะในแต่ละปีไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องมีการเปลี่ยนสายพันธุ์ในวัคซีน ไข้หวัดใหญ่ทุกปี โดยวัคซีนที่ทางกระทรวงสาธารณสุขฉีดให้กับประชาชน จะสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์ แต่ถึงแม้ว่าสายพันธุ์วัคซีนจะไม่ตรงกับสายพันธุ์ ที่ระบาดอยู่ แต่วัคซีนก็ยังสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง
"อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำเป็นต้องดูแล และป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยการหมั่น ออกกำลังกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ หากต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่เสี่ยงติดเชื้อ เช่น โรงพยาบาลหรือสถานที่ ที่มีคนแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายได้โดยการหายใจรดกัน การไอและการจาม และที่สำคัญถ้าเป็นไข้แล้วมีอาการไอมาก หายใจติดขัด หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ควรรีบมาพบแพทย์ทันที" อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กล่าวในที่สุด
12 มีนาคม 2561 - ศูนย์การเรียนรู้ สสส.